วันนี้แอดจะพาเที่ยวย่าน West Kowloon ภายในหนึ่งวัน ลองมาดูว่า จะไปไหนได้บ้างนะจ๊ะ
มาเริ่มกันที่ช่วงเช้า ประมาณ 08.00 น. ลงจากสถานี MRT YAU MA TEI STATION เดินออกมาประมาณ 2 นาที (120 เมตร) จะมาถึง
Check-in#1 Tung Nam Lou Art hotel
ถูกขนานนามว่าเป็นโอเอซิสใจกลางเมือง โดยตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเหยาหม่าเต่ยค่ะ โดยก่อนหน้านี้ ที่นี่เคยเป็นร้านอาหารทะเลที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบดั้งเดิมมาก่อน จนกระทั่งกลายเป็นโรงแรมที่มีหอศิลป์และพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งตกแต่งออกมาให้ชวนหวนนึกถึงอดีต นอกจากนี้โรงแรมแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานเวิร์คชอปและนิทรรศการตามธีมอีกด้วย สายอาร์ตต้อง
ชอบมากๆแน่นอน
สำหรับที่ Tung Nam Lou Art hotel ถ่ายรูปชิคๆ กันที่นี่ ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที แล้วแต่ความชอบเลยจ้า หรือถ้าพักที่นี่ ก็สามารถฝากกระเป๋าแล้วเที่ยวต่อได้นะ
จาก Tung Nam Lou Art hotel เดินต่ออีกหน่อย ประมาณ 3 นาที (210 เมตร) เราก็จะมาถึง
Check-in#2 RED Brick Building (บ้านอิฐแดง)
อาคารสไตล์โคโลเนียลนีโอคลาสสิก สร้างด้วยอิฐสีแดง ตั้งอยู่บนถนนเซี่ยงไฮ้ แต่เดิม เป็นอาคารสำนักงานวิศวกร ของสถานีสูบน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง โดยบ้านอิฐแดงนี้ เป็นอาคารเดียวที่ยังเหลืออยู่ ได้รับการจัดประเภทให้เป็นอาคารประวัติศาสตร์เกรด 1ตั้งแต่ปี 2000 โดยคณะกรรมการที่ปรึกษาโบราณวัตถุในแง่ของคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม ใครชอบถ่ายรูปนี่ ห้ามพลาดเลย
สำหรับที่ RED Brick Building ถ่ายรูปชิคๆ กันที่นี่ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แล้วแต่ความชอบเลยจ้า
จาก RED Brick Building เดินต่อประมาณ 1 นาที (84 เมตร) เราก็จะมาถึง
Check-in#3 ตลาดขายส่งผลไม้ Yau Ma Tei Gwo Laan
คนที่ชอบผลไม้สดๆ หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก หรือใครเคยไปฮ่องกงแล้วฝากไกด์ เพื่อนหรือคนที่รู้จัก ซื้อผลไม้กลับไปเป็นของฝากหรือชิมระหว่างเที่ยวฮ่องกงก็ตาม บอกได้เลยว่าส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากตลาดแห่งนี้นี่แหละ เพราะตลาดผลไม้เหยามาเถ (Yau Ma Tei fruit market) นี้ที่เป็นจุดรวมผลไม้สดนานาชนิดตั้งแต่ตรงระแวกถนน Ferry, Waterloo และ Reclamation ตลาดผลไม้นี้เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 108 ปี หรือคือเปิดทำการมาตั้งแต่ก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก
Gwo Laan เป็นคำภาษากวางตุ้ง (Cantonese) โดย “Gwo” หมายถึงผลไม้ และ “Laan” แปลว่า ตลาดขายส่ง
สำหรับที่ Gwo Laan ชอปปิ้งผลไม้ ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ซื้อเดินกิน อย่าเพิ่งซื้อเยอะ เล็งๆไว้ก่อนได้ เพราะเราต้องเดินเที่ยวกันต่ออีกนะ หรือถ้าพักที่ Tung Nam Lou Art hotel ก็ซื้อแล้วเอาไปฝากไว้ก่อนได้น้า เพราะเดินไม่ไกล
จาก Gwo Laan เดินต่อประมาณ 4 นาที (350 เมตร) มาฮ่องกงทั้งที ต้องมีไหว้พระ ไหว้เจ้า ขอพรกันหน่อย เราไปกันที่
Check-in#4 วัดเจ้าแม่ทับทิม ทินหัว (Tin Hau Temple)
วัด Tin Hau ที่ย่านเหยามาเถ (Yau Ma Tei) เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญวัดหนึ่งของฮ่องกง มีอายุยาวนาม กว่า 140 ปี ซึ่งอย่างที่หลายคนทราบเจ้าแม่ทับทิมเป็นเทพทางทะเลที่ ช่วยดูแลความปลอดภัยจากการเดินทางทางทะเล คนฮ่องกงจำนวนมากจึงให้ความเคารพนับถือเจ้าแม่ทับทิมเพราะในสมัยก่อนฮ่องกงยังเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงที่ประกอบอาชีพประมง ออกเรือจับปลาเป็นหลัก
เมื่อเข้าไปในตัววัดแล้ว สิ่งที่เราต้องร้องว้าวอีกอย่างคือ ขดธูปสีแดงขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนเพดานของวัดเต็มไปหมด ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความขลังต้องมนต์ของวัดเก่าแก่แห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปเก๋ๆของคนนักท่องเที่ยวที่ชอบหามุมถ่ายรูป วัดนี้ยังได้รับแต่งตั้งเป็นอนุสรณ์สำคัญในปี 2020 ภายใต้ the Antiquities and Monuments Ordinance
สำหรับที่วัดทินหัว ไหว้พระ ถ่ายรูป กันที่นี่ ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
ใกล้เที่ยวแล้ว คงจะเริ่มหิว ไปหาอะไรกินกันก่อน ใกล้ๆกับวัดทินหัว มีคาเฟ่ชื่อดังของย่านนี้
Check-in#5 Mido café
คาเฟ่ที่ เปิดดำเนินการในปี 1950 ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ คาเฟ่สไตล์ฮ่องกง ชาชานเตง (Cha Chaan Teng) แปลตรงตัวว่า ร้านน้ำชา เป็นฉากในละครดังเลือดข้นคนจาง และหนังดังยุโรป เอเชีย หลายๆเรื่อง ดังนั้น คงไม่ต้องบอกว่า มุมถ่ายรูป เพียบ แนะนำให้ขึ้นไปนั่งที่ชั้น 2 นะจ๊ะ จะได้บรรยากาศ กว่าชั้นหนึ่ง และนั่งริมหน้าต่างคือดีมาก แสงเข้า ถ่ายรูปฮิปเสตอร์ ได้มุมอาร์ตๆ คงความคลาสสิค รวมถึงอาหารรสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน เราสามารถทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ได้เลย หรือ จะกินเป็นมื้อเล็กๆ ก็ได้ตามความสะดวกนะจ๊ะ
ตัดมาที่ช่วงบ่าย หลังจากกินอาหารกันจนพุงกางแล้ว ไปเดินเล่นกันต่อเถอะ
เราเดินต่ออีกประมาณ 8 นาที (700 เมตร) ก็มาถึง
Check-in#6 Liu Ma Kee
นึกถึงความดั้งเดิมของอาหารจีนและเป็นพื้นฐานของอาหารนานาชนิด คุณคิดถึงอะไร?
ติ๊กต็อกๆๆ ........ เต้าหู้ยี้ นั่นเอง!
เต้าหู้ยี้ หรือ Preserved Bean Curd เป็นศาสตร์อาหารพื้นฐานดั้งเดิมของจีนที่ยังคงใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ที่ฮ่องกงฝั่ง West Kowloon มีร้านเต้าหู้ยี้ร้านหนึ่งที่เปิดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1905 หรือกว่า 115 ปี ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกเสียอีก ร้านนี้มีชื่อว่า ลิวมากี (Liu Ma Kee) ยังคงรักษากรรมวิธีผลิต ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองแบบดั้งเดิมโดยใช้โรงโม่หิน เป็นสูตรลับของครอบครัว Liu Ma Kee ทำให้เต้าหู้ยี้ของร้านนี้หอมเข้มข้นแบบสุดๆ ซึ่งจะเอามาทากินบนขนมปังแบบแยม หรือจะเอาไปกินคู่กับผักหรือข้าวก็ได้
ไม่เพียงเท่านั้น เนื่องจากความเก่าแก่ของร้านที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกและสมัยที่เริ่มมีการเดิมทางมาของชาติตะวันตก ที่ร้านจึงมีสูตรเต้าหู้ยี้สไตล์ฟิวชั่นผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกและความเป็นตะวันออกไว้ด้วยกัน อย่างเช่นที่เห็นในคลิปวีดีโอ ก็นี่เลย นำมาใช้ทำเป็นซอสคาโบนาราใส่กับเส้นสปาเก๊ตตี้
เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็ต้องหาของพื้นเมืองดั้งเดิมกลับไปฝากคนที่บ้าน ของที่ร้าน Liu Ma Kee จึงเป็นของฝากกลับบ้านชิ้นงามเลยทีเดียว
และที่ต้องมาแวะซื้อก่อน เพราร้านนี้เค้าเปิดถึง 4 โมงเย็นเองนะ แถวๆร้าน ก็ถ่ายรูปสวย เป็นตึกร้านค้า ถ่ายแนวสตรีท ได้เลย ใช้เวลาประมาณ ไม่เกิน 30-45 นาที
เราเดินต่ออีกประมาณ 6 นาที (500 เมตร) ก็มาถึง
Check-in#7 Xiqu center
สถานที่แห่งใหม่ของฮ่องกงสำหรับชมอุปรากรกวางตุ้งและอุปรากรจีนโบราณ (งิ้ว) รูปแบบอื่น ๆ ที่นี่มีโรงอุปรากรสองแห่งที่เชื้อเชิญให้เข้าไปชมนี้มีสิ่งน่าสนใจสำหรับผู้ชมทุกคน ได้แก่ Grand Theatre ที่ซึ่งเหล่าแฟน ๆ ขาประจำจะได้ชมการแสดงจากคณะนักแสดงฝีมืออันดับต้น ๆ ในภูมิภาค ส่วน Tea House Theatre ออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นและจริงใจราวกับอยู่ในโรงน้ำชาช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ของฮ่องกง ผู้ชมหน้าใหม่สามารถเพลิดเพลินกับน้ำชาและติ่มซำ เคล้าการแสดงอันมีศิลปะที่คัดเฉพาะบางส่วนออกมานำเสนอ นอกจากนี้ยังมีรายการฉายภาพยนตร์ กิจกรรมเวิร์กช็อป การเสวนา และการจัดนิทรรศการอยู่เป็นประจำ ตลอดจนการนำเที่ยวแบบมีผู้บรรยาย ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมไปถึงโถงกลางเปิดโล่งขนาดใหญ่ที่ผู้เข้าชมสามารถรวมกลุ่มและพักผ่อนหย่อนใจ
แนะนำให้เช็คตารางก่อนว่า ที่ศูนย์มีการจัดแสดงนิทรรศการอะไรอยู่นะจ๊ะ แต่ถึงไม่มีงานอะไร ก็มาถ่ายรูปเดินเที่ยวได้จ้า
ที่เราจะเดินทางไปต่อ ก็ลองขึ้นแท็กซี่กันดูบ้าง ห่างออกไป ประมาณ โลกว่าๆ นะ นะจ๊ะสะดวกกว่าจ้า ขึ้นรถแว่บเดียวเราก็จะมาถึง
Check-in#8 M+
พิพิธภัณฑ์ M+ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดของโลก พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ของฮ่องกงในเขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตกเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2021 นี้ในฐานะหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยด้านศิลปวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก ชื่อของ M+ มาจากคอนเซปต์ว่า Museum and More หมายถึงการเป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์เพราะตามวัตถุประสงค์คือเป็นสถานที่ที่นำเสนอผลงานทั้งด้านทัศนศิลป์ ดีไซน์ สถาปัตยกรรม และผลงานภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอนิเมชัน รวมทั้งภาพยนตร์ของยุคศตวรรษที่ 20 และ 21 ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดัง Herzog & de Meuron พื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการจำนวน 17,000 ตารางเมตร มีโรงหนังจำนวน 3 โรง ห้องบรรยาย ห้องสมุด ศูนย์การเรียนรู้ ร้านอาหาร คาเฟ่ และห้องจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รวมถึงระเบียงดาดฟ้าให้ชมความงามของอ่าววิคตอเรีย ... ยังไงก็ต้องมาให้ได้นะที่นี่ ถ่ายรูปสวย ได้ดูงานศิลป์อีก ต๊าซซซซซมากแม่
ในบริเวณนี้ เราสามารถเดินเล่นถ่ายรูป ชมบรรยากาศริมทะเล ได้ตลอดจ้า เดินไปเรื่อยๆ ถือว่าออกกำลังได้เลย
Check-in#9 Growing Up Pavilion
อาคารไม้ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ West Kowloon Nursery Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะริมน้ำ ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของท่าเรือและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
อาคารนี้ได้แนวคิดของการสร้างมาจาก การเจริญเติบโตของต้นไม้ ที่ต้องการรากฐานที่ดี เฉกเช่นเดียวกับการเจริญเติบโตทางด้านวัฒนธรรม ที่จำเป็นต้องมีรากฐานที่แข็งแกร่งที่เป็นความทรงจำต่างๆของเมือง อาคารนี้จึงสะท้อนสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน หลังคาลาดเอียงขนาดใหญ่รองรับเสาไม้หลายท่อนที่ไล่เรียงขนาดจากขนาดเท่ามนุษย์ไปจนถึงขนาดท่าเรือ ก็เหมือนกันต้นไม้ที่ในสวนที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป ภูมิทัศน์ขั้นบันไดด้านล่างชวนให้นึกถึงภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาของเมือง เป็นต้น เป็นอีกจุดหนึ่งที่ยามมาเยือน West Kowloon แล้ว ต้องมาถ่ายรูป Check-in ดูพระอาทิตย์ตกดิน ฟินสุดๆ
ได้นั่งพักชมบรรยากาศ จนพระอาทิตย์ตกดินแล้ว แต่เรายังแนะนำให้ไปต่อจ้า สามารถนั่งแท็กซี่ หรือรถบัส ไปจะสะดวกกว่านะ กับ
Check-in#10 Temple street night market
หนึ่งในตลาดยามค่ำคืนที่ใหญ่ที่สุดและ ครึกครื้นที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง หลังจากตะวันตกดิน บรรดาร้านรวงต่างๆ ก็จะมาวางขายกันอย่างคับคั่ง มีสินค้าให้เลือกเดินชอปกันอย่างจุใจ เช่น ถ้วยชากาแฟ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, นาฬิกา, เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย, หยก และของเก่าต่างๆ ดูคล้ายกับตลาดคลองถมที่เมืองไทยนั่นเอง และหากใครหิวก็มีอาหารและของกินเล่นแบบสไตล์ฮ่องกงและมีอาหารซีฟู้ดให้เลือกชิมตลอดทางเดิน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะไป ประมาณ 2 ทุ่ม ตลาดจะครึกครื้นมากที่สุด และที่สำคัญ ป้ายไฟที่มีสีสัน ของร้านรวงต่างๆ ก็ทำให้ถ่ายรูปสวยอีกด้วยนะ ก็อย่าลืม ถ่ายรูปมาฝากกันด้วยนะจ๊ะ
เป็นยังไงกันบ้าง กับ 1 วัน ใน West Kowloon อยากไปเดินเที่ยวเล่นกับแอดมั้ยจ๊ะ.... TRIPWALKERS