คอนพะเพ็ง ไนแองการ่าแห่งเอเชีย

น้ำตกขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภูมิภาคอินโดจีน มีหลายชั้น ตั้งอยู่บนแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย ได้รับฉายาว่า "ไนแองการ่าแห่งเอเชีย" สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อและสวยงามมากแห่งหนึ่งของลาวใต้ ...น้ำตกคอนพะเพ็ง

น้ำตกคอนพะเพ็ง (ลาว: ນ້ຳຕົກຕາດຄອນພະເພັງ)  ตั้งอยู่ในแขวงจำปาสัก ประเทศลาว ห่างจากเมืองปากเซประมาณ 150 กิโลเมตร   เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนใต้ มีความสูง 21 เมตร (69 ฟุต) กระแสน้ำไหลเชี่ยว 9.7 กิโลเมตร (6.0 ไมล์) ปริมาณน้ำตกลงมาด้วยความเร็วประมาณ 11,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที (390,000 ลูกบาศก์ฟุต/วินาที) แม้ว่าปริมาณสูงสุดในบันทึกได้ถึงกว่า 49,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที (1,700,000 ลูกบาศก์ฟุต/วินาที) นับว่าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภูมิภาคอินโดจีน มีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงที่มีความแรง จึงทำให้เกิดการปะทะกับหินแยกกันเป็นสายน้ำที่ถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว และธรรมชาติที่สวยงามก็สมกับคำร่ำรือ จนใครๆ ต่างขนามนามว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย” 

คำว่า "คอน" หมายถึง "แก่ง" หรือ "เกาะ" "พะเพ็ง" หมายถึง "พระจันทร์วันเพ็ญ"  รวมแล้วก็คือ แก่งจันทร์เพ็ญ หรือ เกาะพระจันทร์วันเพ็ญ  แล้วแต่จะสื่อความหมาย เป็นชื่อชวนฝันมากๆแต่ภาพที่เห็นตรงกันข้ามกับชื่อเลย ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก กระทบกับโขดหินขนาดใหญ่ ทำให้เกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ ยิ่งในช่วงหน้าฝนปริมาณน้ำหลากทำให้เราไม่เห็นแนวลาดชันของโขดหินและเกาะแก่งที่โผล่ขึ้นกลางน้ำ  แต่เสียงกระแสน้ำตกก็ยิ่งดังสนั่นไปทั่วทั้งอาณาเขตอุทยาน

นอกจากนี้แล้ว น้ำตกคอนพะเพ็งยังเป็นสถานที่อาศัยของสัตว์น้ำหายากหลายชนิด เช่น ปลาค้อคอนพะเพ็ง ที่เป็นปลาค้อเฉพาะถิ่นที่พบได้ในแถบนี้เท่านั้น และเป็นแหล่งอาศัยของโลมาหัวบาตร หรือ "ปลาข่า" (ປາຂ່າ) ในภาษาลาว โลมาเพียงไม่กี่ชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดได้ของโลก รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดของปลาบึก ซึ่งเป็นปลาหนังน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เป็นต้น

ความหัศจรรย์อย่างหนึ่งของน้ำตกคอนพะเพ็ง แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็คือ ในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครองลาวในยุคล่าอาณานิคม ซึ่งผู้ปกครองตาน้ำข้าวเหล่านั้นมองคอนพะเพ็งว่าเป็นอุปสรรคต่อการขนถ่ายทรัพยากรออกจากลาว  เพราะคอนพะเพ็งมีชัยภูมิและลักษณะทางกายภาพของ“จุดสกัด” ที่ทำให้การเดินเรือในแม่น้ำโขงขาดช่วง ไม่ต่อเนื่อง จึงได้วางแผนทำการ ระเบิดคอนพะเพ็งทิ้งไป แต่ทว่าระเบิดที่วางในกาลครั้งนั้นกลับไม่ทำงาน ทำให้ฝรั่งเศสปฏิบัติภารกิจระเบิดคอนพะเพ็งไม่สำเร็จ ส่งผลให้การขนส่งทางเรือไม่สามารถทำได้ ฝรั่งเศสจึงหันไปสร้างทางรถไฟสายสั้นๆ ขึ้นบนดอนคอนแทนซึ่งวันนี้ทางรถไฟสายนั้นก็ยังคงอยู่ แต่ว่าเก่าคร่ำมากใช้การไม่ได้แล้ว ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวลาวเชื่อว่าเกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในคอนพะเพ็ง ซึ่งไม่ใช่แค่ระเบิดไม่ทำงาน แต่ยังมีเสียงร่ำลือกันว่าที่แก่งคอนพะเพ็งมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เครื่องบินตกได้อีกด้วย เพราะเคยมีเครื่องบินไปตกในบริเวณนั้น

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ บริเวณเกาะบนน้ำตกคอนพะเพ็ง ชื่อว่า มะนีโคด(มณีโคตร)  เป็นชื่อต้นไม้ที่ชาวลาวนับถือว่า เป็นต้นไม้มหัศจรรย์ อีกทั้งยังเชื่อว่าต้นไม้มะนีโคดมีเพียงต้นเดียวในโลก โดยสันนิษฐานว่าต้นมะนีโคดน่าจะมีอายุกว่าร้อยปี หรือหลายร้อยปี หรืออาจจะถึงพันปีเลยทีเดียว มีลักษณะพิเศษคือ เป็นต้นไม้ที่เกิดและเติบโตในแม่น้ำโขง รากของต้นมะนีโคดไม่ได้ยึดเกาะกับพื้นดิน หากแต่ยึดเกาะกับแก่งหินกลางแม่น้ำโขงอันเชี่ยวกรากแห่งน้ำตกคอนพะเพ็ง ขณะที่ปลายยอดของลำต้นมีการแตกกิ่งออกเป็น 3 แฉก ดูคล้ายเขาควาย ชี้ไปยัง 3 ประเทศ คือ ลาว ไทย และ กัมพูชา

ซึ่งมีตำนานเรื่องเล่าขานอันมหัศจรรย์พันลึกอีกมากมาย อย่างเช่น ถ้าใครได้กินผลของต้นมณีโครตนั้นจะมีชีวิตยืนยาว หรือ มีกำลังวังชาเหนือมนุษย์  แต่ด้วยความแรงของกระแสน้ำจึงไม่มีใครสามารถผ่านไปเด็ดผลที่เกาะบนน้ำตกคอนพะเพ็ง ได้เลย หุหุ แล้วใครจะกล้าไปเอาน้า หรือถ้านำด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่ถ้าใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา จนทำให้ถูกเรียกขานกันว่าเป็น “ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น”

อย่างไรก็ดีในวันนี้ต้นมะนีโคดที่น้ำตกคอนพะเพ็งได้ล้มตายสิ้นอายุขัยไปจากโลกนี้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 ต้นมะนีโคดได้โค่นล้มตายลงท่ามกลางความเศร้าเสียใจของคนลาวจำนวนมาก หลังต้นมะนีโคดล้มตาย ทางการลาวได้ทำการกู้ซากต้นมะนีโคดขึ้นมาจากการลำแม่น้ำโขง พร้อมทั้งทำการสมโภชน์ ก่อนจัดทำเป็น“พิพิธภัณฑ์ต้นไม้มะนีโคด” นำเสนอรูปภาพเรื่องราวต่างๆของต้นไม้ต้นนี้ โดยมีไฮไลท์คือซากต้นมะนีโคดขนาดใหญ่ในโลงแก้วที่บรรจุอยู่ในหอพิพิธภัณฑ์ ซึ่งคนลาวนิยมมากราบสักการะ ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ความมหัศจรรย์ของต้นมะนีโคดที่นับถือกันมาช้านาน

และภายในบริเวณยังมี ทั้ง ร้านขายของที่ระลึก คาเฟ่ ร้านอาหาร ให้เราได้ผ่อนคลายกับการมาถึง ไนแองการ่าแห่งเอเชีย

   
นอกจากที่เราจะได้มาท่องเที่ยวชม ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่แล้ว ยังได้มาซึมซับถึงตำนานท้องถิ่นที่เล่าขานถึงความเชื่อ และ ความผูกพัน ระหว่างคน กับธรรมชาติ ในท้องถิ่นนั้นๆด้วย  และที่นี่คงเป็นอีกที่นึง ที่เราแนะนำให้คุณ ได้มาชมด้วยตาของคุณเอง ... TRIPWALKERS