ดาลัด...เศษเสี้ยวกรุงปารีส แฝงกลิ่นอายแดนกิมจิ

เมื่อเดินทางไปถึงเมืองดาลัด เราจะสังเกตได้เลยว่าเมืองนี้มีอาคารบ้านเรือนที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆในเวียดนาม เพราะด้วยภูมิอากาศที่เฉลี่ยนประมาณ 20 องศาเซลเซียส ทำให้บ้านทุกหลังจะต้องมีการสร้างปล่อยควัน เพราะจุดฝืนในช่วงที่อากาศหนาวจัด และไม่ต้องแปลกใจหากเข้าพักที่โรงแรมแล้วจะไม่พบแอร์ เพราะโรงแรมในดาลัดโดยส่วนมากจะไม่ติดตั้งแอร์กัน จากตลอดสองข้างทางในเมืองดาลัดสถาปัตยกรรมบ้านเรือนจะเป็นสไตล์ยุโรป คือ มีปล่องควัน แล้วนอกจากนั้นดาลัดยังขึ้นชื่อเรื่อง “ดอกไม้” อีกด้วย ที่เมืองนี้เราจะดอกไม้เมืองหนาวปลูก ประดับ สองข้างถนน เช่น ดอกกุหลาบ ไฮเดรนเยีย ซากุระ และอื่นๆอีกมากมายนานาพันธุ์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม่ เมืองดาลัด จึงถูกขนานนามว่า “ปารีสตะวันออก” “เมืองแห่งดอกไม้” “เมืองแห่งดอกไม้ผลิ” “เมืองแห่งความรัก” 

และที่บอกว่าที่แห่งนี้ “เมืองดาลัด” แฝ่งกลิ่นอายแดนกิมจิ เพราะด้วยการแต่งกาย และผู้คน ซึ่งมีหน้าตาออกไปทางแนวเกาหลีนิดๆนั้น จึงทำให้เหมือนเดินอยู่ในกรุงโซลอะไรทำนองนั้น

สำหรับการท่องเที่ยว แนะนำเลยว่าให้พักแถบใจกลางเมืองดาลัด ย่านตลาดไนท์มาเก็ต ซึ่งจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำ (ชื่ออะไรไม่รู้ แต่ใหญ่มากจริงๆ) เพราะจะทำให้สะดวกในการเดินทาง สำหรับคนที่ชอบเดินเที่ยว สัมผัสลมเย็น ชิลๆกับการเที่ยวชมบ้านเรือน เพราะบริเวณ จะใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวหลายจุด เช่น โบสถ์ไก่ (กุ๊กๆ) ซึ่งในช่วงเช้าจะมีผู้คนมาทำพิธีกรรมทางศาสนา ทำให้เมื่อไปถึงจึงเข้าไปในโบสถ์ไม่ได้ แต่จากภายนอกนั้นมีความสวยงามมาก ด้วยตัวอาตารมีการดูและอย่างสม่ำเสมอ 

จากหน้าโบสถ์ไก่ เราจะเจอสามแยกให้เดินไปถนนตรงข้ามกับโบสถ์ไก่ เมื่อเดินไปเรื่อยๆๆ จะเห็นคลอง และสวนสาธารณะ คลองแห่งนี้เราได้ตั้งชื่อมันว่า “คลองชองเกชอน ดาลัด” หลายคนคงรู้จักว่า คลองชองเกชอน เป็นคลองที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลี และคลองที่นี้ก็มีการออกแบบที่คล้ายกันมาก ต่างเพียงน้ำที่นี้เหม็นมาก เพราะมันเหมือนจะไว้ระบายน้ำเสีย ที่คิดว่าเหมือนเพราะสภาพตอนกลางคืนมันให้บรรยากาศมากๆ รวมถึงจะกลุ่มนักศึกษามาออกร้าน เล่นดนตรีริมคลองตอนกลางคืน หรือ ไม่ก็มีคุณลุงมานั่งตกปลา แต่เราก็ต้องตื่นจากฝัน มันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ถึงยังไงมันก็ไม่ได้แย่ไปซะที่เดียว เพราะสวนแห่งนี้มีการปลูกดอกไฮเดรนเยียไว้ทั่วทั้งสวน รวมถึงดอกไม้พันธุ์ที่ไม่รู้จัก 

พอข้ามคลองไปจะสังเกตเห็นวงเวียนใหญ่ การจราจรชังติดขัดและรถที่นี้ก็ซิ่งเหลือเกิน ซิ่งชนิดที่ว่า คนข้ามไม่อย่างเจ็บตัวก็ให้ยืนนิ่งๆเดี๋ยวรถมันจะขับผ่านเราไปเอง และไม่ต้องสนใจกับเสียงบิบแตร เพราะมันเป็นมารยาทการขับรถของที่นี้ มั้ง??? 

ซึ่งจากจุดนั้นเราจะพบกับตลาดไนท์มาเก็ต โดยจะแบ่งเป็น 2 เวลา คือ ตอนเช้าจะขายพวกต้นไม้ ดอกไม้ และไม่มีการปิดถนน และเวลาสัก 4 โมง จะเริ่มนำร้านออกมาตั้งขาย ซึ่งสินค้าก็จะมี เสื้อผ้า เสื้อคลุม พวงกุณแจ รองเท้า ขนม ผลไม้ และอื่นๆอีกมากมาย โดยการท่องเที่ยวแบบนี้เราจะต้องมีการระวังทรัพย์สินของเราไว้มากๆ เนื่องจากจะมีพวกมิจฉาชีพ แฝ่งตัวอยู่ อย่างเช่นที่เพื่อนรวมทริปเจอมา ยกไว้เป็นกรณีตัวอย่าง โดยจะมีกลุ่มคนใส่ชุดมาสคอต 2 – 3 ตัว เชิญชวนให้เราไปถ่ายรูปด้วย แต่พอเราสุขอุรา มีความสุขกับตัวการ์ตูน เหล่าชายชุดดำก็จะปรากฎตัว พร้อมกับเรียกค่าถ่ายรูป ราคา 30,000 ดง (ประมาณ 50 บาท) ซึ่งมันจะเขามาประมาณ 3-4คน และถ้าไม่ยอมจ่ายกันก็จะโวยวาย และเดินตามเรา จนกว่าจะจ่ายเงิน

หลบจากเรื่องร้ายตลาดแห่งนี้ยังมีอาหารแปลกตามากมาย ให้ได้พบ เช่น ปาท่องโก๋ (แข็ง) มีทั้งแบบแท่ง คู่ กลม หรือ พิซซ่าขอบบางเฉียบ แต่เป็นการนำมาปิ้งบนเตาถ่าน