ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
วันที่ออกเดินทาง
เดินทาง
ราคา บาท
เยือนเมืองสุดปลายด้ามขวาน สยามประเทศ 4 วัน 3 คืน
05.00 น. |
คณะเดินทางพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์ การบินไทยสมายล์ (กรุณานำบัตรประชาชนไปแสดงด้วย) เจ้าหน้าที่รอต้อนรับและคอยอำนวยความสะดวก |
07.00 น. |
ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา โดยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบินที่ WE 259 |
08.00 น. |
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เปลี่ยนการเดินทางเป็นรถตู้ปรับอากาศ นำท่านเดินทางสู่ จ.ปัตตานี (ระยะทาง 119 กม.) |
|
นำท่านเดินทางสู่ วัดช้างให้ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี นำท่านไปสักการะรูปเหมือน “สมเด็จพะโคะ” หรือ “หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ท่านเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดช้างให้ |
12.00 น. |
บริการอาหารกลางวัน (1) ณ ร้านอาหาร จากนั้นเดินทางสู่ ท่าเรือตาพะเยา อําเภอธารโต จ.ยะลา |
บ่าย |
แวะชม สะพานเขื่อนบางลาง บริเวณบ้านคอกช้างกับบ้านกระป๋อง ต.แม่หวาด อ.ธารโต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา-เบตง เขื่อนบางลางเป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำปัตตานีตามแผนพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกทางภาคใต้ โดยกิจกรรมที่น่าสนใจภายในเขื่อนสามารถล่องเรือแพชมทัศนียภาพ เกาะแก่งเหนือเขื่อนบางลาง ชมวิถีชิวิตประมงพื้นบ้านภายในเขื่อน ความสมบูรณ์ของป่าบาลา-ฮาลา โดยเฉพาะพันธุ์พืชเฉพาะถิ่นและสัตว์ป่าหายาก เช่น ใบไม้สีทอง ปาล์มบังสูรย์ เฟิร์นดึกดำบรรพ์ ฝูงกระทิง กวางป่า นกเงือก เป็นต้น |
|
ถึง ท่าเรือตาพะเยา นำท่านนั่งเรือเดินทางสู่ น้ำตกบ่อหิน น้ำตกที่ไหลมาจากภูเขาลงสู่แม่น้ำเขื่อนบางลาง แวะให้ท่านถ่ายรูป |
|
จากนั้นนำท่านมุ่งหน้าสู่ สะพานโต๊ะกูแช ลอดใต้สะพานข้ามทะเลสาบ ให้ท่านได้เช็คอินถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย |
|
แวะถ่ายรูป ป้าย OK BETONG จุดสัญลักษณ์ที่เป็นสัญญาณว่าเราได้เหยียบแผ่นดินเบตงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ ป้ายโอเคเบตงนั่นเอง ไปถ่ายรูปเช็คอินอวดเพื่อนๆ ในโซเชี่ยลกันที่ป้ายเบตงก่อนจะเดินทางต่อ |
|
เดินทางถึงตัวเมืองเบตง เข้าสู่ที่พัก ณ ตามอัธยาศัย |
18.30 น. |
บริการอาหารค่ำ(2) ณ ร้านอาหารต้าเหยิน(กิติ) หลังอาหารนำท่านแวะชมสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ทางการท่องเที่ยวตั้งอยู่เป็นไฮไลท์ในตัวเมืองเบตง |
|
เชิญท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ หอนาฬิกาเมืองเบตง สัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมืองสร้างจากหินอ่อนสีขาวนวลจากเมืองยะลา |
|
ชม ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งก็ตั้งอยู่บริเวณแยกหอนาฬิกาตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กส่วนที่เป็นตัวตู้ไม่รวมฐานมีเส้นรอบวง 140 ซม. และสูง 290 ซม. |
|
ชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เบตงมีเสน่ห์ต่างจากเมืองอื่นๆ อุโมงค์นี้เปิดใช้เมื่อ 1 ม.ค. 2544 สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ ขุดโค้งทอดยาวประมาณ 273 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร มีทางเดินทางอยู่ภายใน ดูดีมีเสน่ห์กว่าอุโมงค์สมัยใหม่ |
20.30 น. |
นำท่านเดินทางสู่ที่พัก ณ อ. เบตง เชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย |
05.00 น. |
ตื่นแต่เช้า เดินทางสู่ Sky Walk อัยเยอร์เวง เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น และ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยอดฮิตของเบตงที่เดินทางสะดวกรถขึ้นถึง และมีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปี อยู่ห่างจากตัวอำเภอเบตง ประมาณ 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร เป็นทะเลหมอกที่ใหญ่และสวยงาม (กรณีที่ Sky Walk ปิด นำท่านชมความสวยงามของทะเลหมอกยามเช้า ที่จุดชมวิวเดิมทดแทน) |
07.30 น. |
บริการอาหารเช้า(3) ณ ห้องอาหารที่พัก |
09.30 น. |
ชม สตรีทอาร์ต ภาพสตรีทอาร์ต ชมวีถีชีวิตของผู้คน อาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกลางหุบเขา |
|
เดินทางสู่ อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายา สร้างขึ้น สำหรับเป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง แต่ต่อมาได้กลับมาร่วมพัฒนาชาติไทย อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว และยังมี ต้นไทรพันปี มีความสวยงามแปลกตา มีโพรงขนาดใหญ่จำนวน 2 โพรง ให้เดินเข้าไปได้ |
|
ชม บ่อน้ำพุร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงจุดที่มีน้ำเดือดนี้ สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 10 นาที |
12.00 น. |
บริการอาหารกลางวัน (4) ณ ร้านอาหาร |
บ่าย |
แวะลิ้มชิมรส วุ้นดำ ของดีคู่ เบตง ที่ใครไปใครมาต้องติดไม้ติดมือเป็นของฝาก ด้วยกรรมวิธีที่เป็นแบบโบราณแท้ๆ เช่นการใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงในการเคี่ยว และวัตถุดิบต่างๆที่นำมาจากแหล่งคุณภาพ ทำให้วุ้นดำ หรือ ที่เรียกกันง่ายๆว่า เฉาก๊วย ของที่นี่ แตกต่างจากที่อื่นๆ และถูกอกถูกใจ นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก |
|
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ จ.ปัตตานี (ระยะทางประมาณ 170 กม. ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมง) |
|
นำท่านสักการะ เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ณ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองปัตตานี สัมผัสวิถีชีวิตของชาวปัตตานี พร้อมตึกเก่าและประวัติความเป็นมาแต่เก่าก่อน |
|
นำคณะเข้าชม มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มัสยิดที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในปีพ.ศ. 2497 รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามว่าเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวปัตตานี ส่วนใหญ่นับถืออย่างเคร่งครัดอันจะนำมาซึ่งสันติสุขประกอบกับในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประชากรนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก สมควรที่จะสร้างมัสยิดกลางที่มีขนาดใหญ่ และสวยงามขึ้นเพื่อเป็นศรีสง่าแก่ชาวไทย มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีจึงถูกสร้างขึ้น ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 9 ปี เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 55 ตารางวา ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,733,073 เป็นงบประมาณแผ่นดินครึ่งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่งเป็นชาวปัตตานีที่ศรัทธาร่วมกัน |
17.30 น. |
นำคณะเดินชม จุดชมวิว-แลนมาร์คของปัตตานี สกายวอล์ค ปัตตานี (Pattani Adventure Park) แหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยแห่งแรก ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยทางเดินบนยอดไม้ หรือ sky walk สะพานเหล็กที่มีความสูงเกือบตึก 4 ชั้น ระดับความสูงจากพื้นดิน 12 เมตร โดยเทศบาลเมืองปัตตานีดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เฟสแรกงบประมาณ10 ล้านบาท ภาคพื้นดินมีทางเดินไปตามสวนป่าชายเลนมีระยะทาง1,000 กว่าเมตรส่วนทางเดินด้านบนยอดไม้ เดินแล้วมองลงมาด้านล่างก็จะรู้สึกตื่นเต้นกับเดินชมธรรมชาติพร้อมกับลมเย็นๆก็จะมีศาลาที่พัก 5 จุดไว้สำหรับนั่งพักผ่อนถ่ายรูป |
18.30 น. |
บริการอาหารค่ำ (5) ณ ร้านอาหาร |
20.00 น. |
หลังอาหารนำคณะเดินทางเข้าที่พัก นำคณะเข้า Check In ที่พัก H โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี จ.ปัตตานี หรือเทียบเท่า |
07.00 น. |
บริการอาหารเช้า (6) ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารให้เวลาท่านได้เข้าชมห้องสะสมส่วนบุคคลจัดแสดงงานปราณีตศิลป์เครื่องถมย่านลิเภาอันวิจิตร ณ ห้องจัดแสดงชั้น 2
|
08.30 น. |
นำท่านชม มัสยิดกรือเซะ หรือ มัสยิดปินตูกรือบัน ( “กรือเซะ” แปลว่า ทรายสีขาวใสดั่งไข่มุก, “ปินตู” แปลว่าประตู, “กรือบัน” แปลว่า ประตูใหญ่-ทางเข้าหลักค่ะ) มีชื่อเป็นทางการว่า “มัสยิดสุลต่าน มูซัฟฟาร์ซาห์” ตามชื่อผู้สร้างซึ่งเป็นเจ้าเมืองปัตตานีดารุสลามในขณะนั้น (พ.ศ. 2073-2107) เดิมสุลต่านใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจและพบปะพูด คุยกับประชาชน เป็นมัสยิดแห่งแรกในคาบสมุทรมลายูที่ถูกสร้างด้วยอิฐแดง มีลักษณะผสมผสานศิลปะอาหรับด้วยรูปทรงประตูซุ้มโค้งแหลม เสาทรงกลม ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและบูรณะใน พ.ศ. 2478 มีการบูรณะใน พ.ศ.2500 และ 2525 เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ฯ |
|
ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของ ปืนใหญ่พญาตานี (จำลอง) ปืนพญาตานี เป็นตราประจำจังหวัดค่ะ ที่ท่านเห็นอยู่นี้หล่อจำลองขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2556 ขนาดเท่าของจริง เส้นผ่านศูนย์กลางปากลำกล้อง 24 ซ.ม. ยาว 6.82 เมตร ขอบปากลำกล้องหนา 10 ซ.ม. หล่อด้วยสำริด ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัย“ราชินีบีรู” เจ้าผู้ครองรัฐปัตตานีช่วง พ.ศ. 2159-2167 ด้วยเหตุผลที่ว่ามีกระแสข่าวมาตลอดเวลาว่าพระเจ้าแผ่นดินสยามตระเตรียมกำลังเพื่อยกมาตีปัตตานี จึงสั่งการให้เตรียมตัวป้องกันภัยสงคราม แล้วให้ลิ้มโต๊ะเคี่ยมเป็นนายช่างหล่อปืนใหญ่ไว้จำนวน 3 กระบอก คือ นางพญาตานี ศรีนัครา และมหาเลลา บริเวณที่หล่อปืนนี้อยู่ไม่ห่างจากมัสยิดกรือเซะ |
|
นำท่านเดินทางสู่ วังเก่ายะหริ่ง เรือนไม้กึ่งปูนสีเขียวลออกตา สร้างขึ้นแบบสไตล์ยุโรปผลมผสานศิลปกรรมพี้นเมืองและชวา ตั้งตะหง่านอยู่ใจกลางเมืองยะหริ่ง นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวยะหริ่งเป็นยิ่งนัก ลักษณะเด่น คือ บันไดบ้านโค้งแบบยุโรป มีช่องแสงประดับด้วยกระจกสีเขียว แดง และน้ำเงิน ช่องระบายอากาศและหน้าจั่ว ทำด้วยไม้ฉลุเป็นลวดลายพรรณพฤกษา ตามแบบศิลปะชวาและตะวันตก ทำให้ตัววังสง่างามในสายตาผู้พบเห็นอย่างมาก |
|
ออกเดินทางไปยัง บ้านตะโละมาเนาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส (ระยะทางประมาณ 59 กม.) |
12.00 น. |
บริการอาหารกลางวัน (7) ณ ร้านอาหาร |
บ่าย |
นำท่านเดินทางสู่ น้ำตกปาโจ ตั้งอยู่ใน ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโด มีน้ำไหลกันตลอดทั้งปีเลย ซึ่งน้ำตกของที่นี่จะมีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกัน ในชั้นแรกจะมีขนาดใหญ่และสวยงดงามที่สุด เป็นความสวยของสายน้ำที่ไหลจากลานผาหินกว้าง สูงถึง 60 เมตร ก่อนจะลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ และบริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 นั้นจะสังเกตเห็น ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี เป็นที่ระลึกว่าเคยเสด็จฯ มายัง น้ำตกปาโจนี่เช่นกัน |
|
นำคณะเข้าชมงานศิลป์สถาปัตย์อันงดงามที่ มัสยิด 300 ปี (มัสยิดตะโละมาเนาะ หรือ มัสยิดวาดีลอัลฮูเซ็น) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาบูโด สร้างในปี พ.ศ. 2167 รุ่นราวคราวเดียวกับมัสยิดกรือเซะ ถือเป็นมัสยิดเก่าแก่มีประวัติยาวนานแห่งหมู่บ้านตะโละมาเนาะ กล่าวได้ว่า เป็นมัสยิดเรือนไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและในแหลมมลายู สิ่งที่น่าชมที่สุดของมัสยิด 300 ปีคือลักษณะสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากมัสยิดทั่วไป กล่าวคือ เป็นอาคาร 2 หลังติดต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง ใช้ไม้สลักแทนตะปู รูปทรงของอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองประยุกต์เข้ากับศิลปะจีน และมลายูที่ได้รับการออกแบบมาอย่างลงตัว ส่วนเด่นที่สุดของอาคาร คือ เหนือหลังคาจะมีฐานมารองรับจั่วบนหลังคาอยู่ชั้นหนึ่ง ส่วนหออาซานซึ่งมีลักษณะเป็นเก๋งจีน ก็ตั้งอยู่บนหลังคาส่วนหลัง ฝาเรือนใช้ไม้ทั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าต่าง ส่วนช่องลมแกะเป็นลวดลาย ใบไม้ ดอกไม้สลับลายจีน |
14.00 น. |
จากนั้น นำคณะเดินทางมุ่งหน้า อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส (ประมาณ 18 กม.) |
14.20 น. |
เดินทางถึง โรงเรียนปอเนาะสมานมิตรวิทยา ชมสมบัติแผ่นดินมรดกล้ำค่าระดับโลก คัมภีร์อัล-กุรอานโบราณที่มีอายุ 150-1,137 ปี นำชมคัมภีร์อัล-กุรอาน สมบัติล้ำค่าของชาวอิสลามทั่วโลกได้ถูกเก็บสะสมไว้ที่นี่ถือว่ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
15.30 น. |
นำคณะเดินทางถึงสถานที่ 1 ใน 9 พุทธมณฑลของประเทศ พุทธมณฑล จ.นราธิวาส สร้างขึ้นในปีงบประมาณปี 2549 เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เชิญท่านสักการะศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธชายแดนใต้ พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล พระพุทธรูปปางประทานพร ประทับนั่งขัดสมาธิเพชรอยู่บนยอดเขา ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปะรัตนโกสินทร์อิทธิพลอินเดียใต้ยุคโจฬะที่แพร่หลายในพื้นที่ภาคใต้และแหลมมลายู ผสมกับพุทธศิลป์นครศรีธรรมราช อันเป็นพุทธศิลป์ของภาคใต้โดยเฉพาะ ซึ่งนิยมสร้างกันมาตั้งแต่ปี 1700 ดังปรากฏหลักฐานจำนวนมากที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เรียกว่า “ศิลปะขนมต้ม” องค์พระสร้างขึ้นด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับโมเสกสีทองทั้งหมด มีหน้าตักกว้างถึง 17 เมตร และมีความสูงวัดจากพระเกศบัวตูมถึงฐานบัวใต้พระเพลา รวม 24 เมตร หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกของอ่าวไทย การก่อสร้างองค์พระได้เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2509 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2512 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระอุระเบื้องซ้ายด้วยพระองค์เองในปี พ.ศ.2513 อันเป็นสิริมงคลสูงสุด นับแต่นั้นองค์พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล ได้ประดิษฐานอย่างมั่นคง คู่กับจังหวัดนราธิวาส และดินแดนภาคใต้ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจและเป็นที่สักการะบูชาอย่างสูงของชาวพุทธในดินแดนภาคใต้สืบมา |
18.30 น. |
บริการอาหารค่ำ (8) ณ ร้านอาหาร |
20.00 น. |
นำคณะเดินทางเข้าที่พัก โรงแรมอิมพีเรียล นราธิวาส หรือเทียบเท่า เชิญท่าพักผ่อนตามอัธยาศัย |
07.00 น. |
บริการอาหารเช้า (9) ณ ห้องอาหาร |
08.00 น. |
นำชมความงดงามของ พระพิฆเนศปางประทานพร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์พระพิฆเนศกลางแจ้งองค์ใหญ่ที่งดงามที่สุดในประเทศไทย เป็นที่เคารพนับถือของชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง |
|
ในอาณาบริเวณเดียวกันเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าโก้วเล่งจี่ เป็นแหล่งรวมศรัทธาของชาวจีนใน.นราธิวาสก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2457 เดิมเป็นศาลไม้เก่าแก่ ต่อมาได้สร้างศาลหลังใหม่ขึ้นแทน ใน พ.ศ. 2497 ภายในมีปูนปั้นองค์เทพเจ้าต่างๆสลักลวดลายสวยงาม ภายนอกเป็นปูนปั้นวิจิตรสวยงามบอกเล่าเรื่องราวทางธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมจีน ตามตำนานพงศาวดารจีนซึ่งหาชมได้ยาก และประดิษฐานรูปหล่อหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดปลุกเสกโดยหลวงปู่ทิม พระครูวิสัยโสภณวัดช้างให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2519 |
09.30 น. |
ออกเดินทางมุ่งหน้า อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมืองเล็กแต่มากเสน่ห์ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย |
10.00 น. |
เดินทางถึง วัดชลธาราสิงเห (วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย) เดิมเรียกกันว่า วัดเจ๊ะเห วัดโบราณแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2403 ริมฝั่งแม่น้ำตาก โดยพระครูโอภาสพุทธคุณ (พุฒ) ซึ่งได้ขอที่ดินจากพระยารัฐกลันตัน และวัดนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับกรณีแบ่งแยกดินแดนตากใบประเทศสยามกับประเทศมลายู ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษในขณะนั้น(สมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2452) โดยฝ่ายไทยได้มีการยกเอาพระพุทธศาสนา วัดและศิลปะในวัดเป็นเครื่องต่อรองการแบ่งปันเขตแดนอังกฤษจึงยอมรับเหตุผล โดยให้แม่น้ำโกลก ตรงบริเวณที่ไหลผ่านเมืองตากใบ(แม่น้ำตากใบ)เป็นเส้นแบ่งเขตแดน วัดนี้จึงรู้จักในอีกนามหนึ่งว่า “วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย” |
11.00 น. |
นำคณะไปชมบรรยากาศคลาสสิคกันที่ สะพานคอย 100 ปี ที่สร้างข้ามจากฝั่งแผ่นดินไปยังเกาะยาว หรือ บ้านเกาะยาว ตัวเกาะอยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 3 ก.ม. ฝั่งด้านหนึ่งติดกับทะเลอ่าวไทย ส่วนอีกฝั่งด้านหนึ่งติดแม่น้ำตากใบ เป็นเกาะที่มีความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร มีชายหาดทรายขาวสะอาด มีทิวมะพร้าวเรียงรายเป็นแนวยาวสวยงาม ประชากรทั้งเกาะนับถือศาสนาอิสลาม มีอาชีพทำการประมงและสวนมะพร้าว สมัยก่อนการเดินทางมายังฝั่งที่ว่าการอำเภอต้องใช้เรือ กว่าจะมีการสร้างสะพานไม้ระหว่างเกาะยาวไปยังฝั่งที่ว่าการอำเภอต้องคอยถึง 100 ปี |
11.30 น. |
บริการอาหารกลางวัน(10 ) ณ ร้านอาหาร |
12.30 น. |
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนราธิวาส (ระยะทางประมาณ 48 กม. ใช้เวลาประมาณ 50 นาที .) |
13.30 น. |
คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานนราธิวาส เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการ Check in สัมภาระ |
15.00 น. |
เดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบินที่ WE 292 |
16.35 น. |
เดินทางถึงกรุงเทพฯ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพฯพร้อมความประทับใจ |
อัตราค่าบริการ |
ราคา (บาท) |
ผู้ใหญ่พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ |
15,500.- |
เด็กอายุ3 – 10 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน ราคาท่านละ(ไม่มีเตียงเสริม) |
13,900.- |
พักห้องเดี่ยว เพิ่มท่านละ |
2,000.- |
สำหรับโปรแกรมทัวร์
อัตราค่าบริการนี้รวม
- ค่ายานพาหนะ ตามที่ระบุในรายการ
+ สำหรับโปรแกรมที่เดินทางโดยเครื่องบิน : ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัดพร้อมค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการทัวร์ข้างต้น (กรณีท่านมีความประสงค์จะต้องการปรับเปลี่ยนระดับชั้นที่นั่ง จากชั้นประหยัดเป็นชั้นธุรกิจ โดยใช้คะแนนจากบัตรสะสมไมล์ จะต้องดำเนินการที่เคาน์เตอร์สนามบิน ณ วันเดินทาง เท่านั้น)
+ สำหรับโปรแกรมที่เดินทางโดยรถ : ค่ารถบัสปรับอากาศ / รถตู้ / พาหนะท้องถิ่น ตามที่ระบุในรายการ
- ค่าที่พักห้องละ 2 ท่าน ตามโรงแรมที่ระบุไว้ในรายการ หรือ ระดับเทียบเท่า
- ค่าอาหาร ค่าเข้าชม และ ค่ายานพาหนะทุกชนิด ตามที่ระบุไว้ในรายการทัวร์ข้างต้น
- ค่าใช้จ่ายของมัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่บริษัท ฯ ที่คอยอำนวยความสะดวกทุกท่านตลอดการเดินทาง
- ค่าน้ำหนักสัมภาระท่านละไม่เกิน 20 กิโลกรัม และ ค่าประกันวินาศภัยเครื่องบินตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบินที่มีการเรียกเก็บ (สำหรับโปรแกรมที่เดินทางโดยเครื่องบิน)
- ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท(หากอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง 50%) ค่ารักษาพยาบาลกรณีเกิดอุบัติเหตุวงเงินท่านละ 200,000 บาทตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
- ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และเอกสารต่างด้าวต่างๆ
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากรายการระบุ อาทิเช่น ค่าอาหาร - เครื่องดื่ม นอกเหนือจากรายการ ค่าซักรีดค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
- ค่าภาษีทุกรายการคิดจากยอดบริการ, ค่าภาษีเดินทาง(ถ้ามีการเรียกเก็บ)
- ค่าภาษีน้ำมัน ที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่มภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบิน
- ค่า Vat7% และ ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
เงื่อนไขการชำระเงิน :
1. สำหรับการจองกรุณาชำระมัดจำ ท่านละ 10,000.- บาท พร้อมสำเนาหนังสือเดินทาง (สำหรับโปรแกรมที่เดินทางโดยเครื่องบิน)
สำหรับการจองกรุณาชำระมัดจำ ท่านละ 3,000.- บาท พร้อมสำเนาบัตรประชาชน (สำหรับโปรแกรมที่เดินทางโดยรถ)
2. กรุณาชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ 20 วันก่อนออกเดินทาง
การยกเลิกและคืนค่าทัวร์:
1. การยกเลิกการเดินทางก่อน 30 วัน ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยึดมัดจำท่านละ 5,000 บาท
2. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-29 วัน ขอเก็บเงินมัดจำทั้งหมด
3. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 7-14 วัน ขอเก็บค่าใช้จ่าย 50% ของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด
4. ยกเลิกก่อนการเดินทางน้อยกว่า 7 วัน ขอเก็บค่าใช้จ่าย 100% ของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด
5. ยกเว้นกรุ๊ปที่ออกเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุด เช่น ปีใหม่, สงกรานต์ เป็นต้น บางสายการบินมีการการันตีมัดจำที่นั่งกับสายการบินและค่ามัดจำที่พัก รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ เช่น CHARTER FLIGHTจะไม่มีการคืนเงินมัดจำหรือ ค่าทัวร์ทั้งหมด ไม่ว่ายกเลิกด้วยกรณีใดๆ
6. กรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองทั้งกรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออก หรือ เข้าประเทศที่ระบุในรายการเดินทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าทัวร์ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
7. เมื่อท่านออกเดินทางไปกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง หรือไม่เดินทางพร้อมคณะถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืน ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
หมายเหตุ :
1. การเดินทางในแต่ละครั้งจะต้องมีผู้โดยสารจำนวน 15 ท่านขึ้นไป ถ้าผู้โดยสารไม่ครบจำนวน ดังกล่าวทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาหรือเลื่อนการเดินทางหรือยกเลิกการเดินทาง
2. ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง มิฉะนั้นทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
3. ขอสงวนสิทธิ์การเก็บค่าน้ำมันและภาษีสนามบินทุกแห่งเพิ่ม หากสายการบินมีการปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง
4. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเที่ยวบิน โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอันเนื่องจากสาเหตุต่างๆ
5. รายการและราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาวะอากาศ, การเมือง, สายการบิน และอัตราแลกเปลี่ยนโดยทางบริษัทฯ จะคำนึงถึงประโยชน์และความปลอดภัยของท่านเป็นสำคัญที่สุด
6. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อการออกนอกประเทศ / ห้ามเข้าประเทศ/ การนำสิ่งของผิดกฎหมาย /เอกสารการเดินทางไม่ถูกต้อง และความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย รวมถึงกรณีความล่าช้าจากสายการบิน, ภัยธรรมชาติ, การยกเลิกเที่ยวบิน, การนัดหยุดงาน, การประท้วง, การก่อจลาจล ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯ
7. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหาย อันเนื่องเกิดจากความประมาทของท่าน, เกิดจากการโจรกรรม และ อุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง
8. ตั๋วเครื่องบินเป็นตั๋วกรุ๊ปราคาพิเศษ หากท่านไม่เดินทางไปกลับพร้อมคณะไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ไม่สามารถนำมาเลื่อนวันเดินทาง หรือคืนเงินได้
9. เมื่อท่านตกลงชำระเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด
สำหรับแพคเกจทัวร์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ระบุในแพคเกจทัวร์นั้นๆ
บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด N.S. Travel & Tours Co.,Ltd
133/19-20 ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์ : 0 2625 1555
โทรสาร : 0 2246 5658
อีเมล์ : info@noomsaotours.co.th
เว็บไซต์ : www.noomsaotours.co.th
(เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทหนุ่มสาวทัวร์) ติดต่อเรา